ไขข้อสังสัย ยาขับเลือด คือยายุติการตั้งครรภ์ หรือไม่
ผู้หญิง กับการตั้งครรภ์ เป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้ในวิถีชีวิตปกติของมนุษย์บนโลกใบนี้ แต่บางครั้ง การตั้งครรภ์ ก็อาจจะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ จนส่งผลให้ เกิดความต้องการ อยากหยุดยั้งการตั้งครรภ์ขึ้น
ส่วนมาก การตั้งครรภ์ ที่ไม่พึงประสงค์ อาจเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด ในวัยแรกรุ่นของวัยรุ่น สาเหตุอาจมาได้ร้อยแปดเหตุผล ที่ไม่อาจเกริ่นบรรยายได้หมดให้เสร็จสรรพ ด้วยความซับซ้อนที่เกิดจากอารมณ์ของมนุษย์ หรือบรรยากาศสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ปัญหาความผิดพลาดเหล่านี้ สามารถเกิดขึ้นได้ ให้พบเห็นอยู่เสมอในสังคมไทย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถึงแม้โลกจะพัฒนาก้าวไกลไปถึงดวงดาวสักแค่ไหน ปัญหาชีวิต การให้กำเนิดที่ไม่พึงประสงค์ ยังมีให้พบเห็นอยู่ตลอด แต่การยุติการตั้งครรภ์ โดยที่ไม่อันตรายถึงชีวิต ก็มีอยู่จริง และยังสามารถแก้ไขได้ นั่นก็คือ ยาขับเลือด
ยามิฟีพริสโตน ( Mifepristone หรือ Mifeprex / มิฟีเพรก ) จัดได้ว่าเป็นสารสังเคราะห์ กลุ่มสเตียรอยด์ ในทางการแพทย์ ใช้ยานี้เป็น ยาขับเลือด ที่มักได้ยินติดหูกันว่า ยาหยุด หรือที่เรียกกันว่า ยายุติการตั้งครรภ์ ยานี้ ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาในแถบยุโรป ในช่วงแรก ยานี้จะถูกเรียกว่า RU – 486 ซึ่งมีผู้ต่อต้านการทำแท้งออกมาประท้วงการนำยานี้มาใช้ แต่บางประเทศในแถบยุโรป ก็ประกาศเป็นที่ยอมรับ โดยต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และการดูแลของแพทย์
การยุติการตั้งครรภ์ ด้วย ยาขับเลือด คือ การใช้ยาหนึ่งชนิด หรือ หลายชนิดร่วมกัน เพื่อทำให้การตั้งครรภ์ยุติลงในระยะเริ่มต้นจนถึง 9 สัปดาห์ การใช้ ยาขับเลือด ที่ปลอดภัยที่สุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด ควรเป็นการใช้ยาร่วมกันสองชนิด ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Ru – 486 ( อาร์ยู – 486 ) และ Cytotec ( ไซโตเทค ) ซึ่งจะถูกกระตุ้นให้ครรภ์ ถูกขับออกจากมดลูก
โดย RU – 486 จะขัดขวางการทำงานของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งจำเป็นต่อการตั้งครรภ์ โดยไข่ที่ได้รับการปฎิสนธิแล้ว จะไม่สามารถฝังตัวอยู่กับผนังมดลูกได้ หากขาดฮอร์โมนนี้ และทำให้เกิดการบีบตัวของมดลูก ส่วนยาไซโตเทค จะเพิ่มแรงบีบตัวของมดลูก และช่วยในการขับเนื้อเยื่อออกจากมดลูก
RU – 486 และ Cytotec ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง ปลอดภัย และได้รับการยอมรับ สำหรับการทำแท้งในช่วงสามเดือนแรก ผลของการทำแท้งด้วยวิธีนี้ คือทำให้ปวดท้อง และมีเลือดออก ผลข้างเคียงที่พบได้เป็นประจำ ยังรวมไปถึง การคลื่นไส้, อาเจียน และท้องเสีย ผลการวิจัย ได้ชี้ให้เห็นว่า การทำแท้งด้วยการใช้ยาเองที่บ้าน มีความปลอดภัย ตราบเท่าที่ผู้หญิงอยู่ใกล้โรงพยาบาลหรือบริการฉุกเฉินอื่นๆ
ถึงแม้ว่า คุณสามารถใช้ยา Ru – 486 และ Cytotec เองได้ การใช้ยาทั้งสองตัวนี้ ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ หรือโรงพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการตกเลือดอย่างรุนแรง หรือมีไข้ การยุติการตั้งครรภ์ ด้วยยา อาจทำให้เกิดการแท้ง เหมือนกับการแท้งโดยธรรมชาติ โดยแพทย์สามารถแนะนำวิธีการใช้ยา ตราบที่อายุครรภ์ไม่เกิน 9 สัปดาห์ โดยแพทย์จะต้องทำการอัลตร้าซาวด์ เพื่อให้ทราบอายุครรภ์ที่ชัดเจน แน่ชัด
การยุติการตั้งครรภ์ ด้วยยาขับเลือดในระยะ 9 สัปดาห์แรก ของการตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงน้อยมากต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ความเสี่ยงนี้ เทียบเท่ากับผู้หญิงแท้งเองโดยธรรมชาติ หากมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ซึ่งเนื่องมาจากการใช้ยาทำแท้ง ก็อาจเป็นสิ่งที่แพทย์ สามารถจะให้การดูแลรักษาได้ง่าย ในผู้หญิงทุกๆ 100 คน ที่ทำแท้งโดยการใช้ยา จะมีผู้หญิงประมาณ 2 – 3 คน ที่ต้องไปพบแพทย์ หรือ ไปสถานพยาบาล หลังจากใช้ยาแล้ว ในประเทศที่การคลอดบุตรมีความปลอดภัยสูง อัตราการเสียชีวิตของผู้หญิง ระหว่างการคลอดบุตรอยู่ที่ 1 คนในผู้หญิงทุก ๆ 10,000 คน ขณะที่ผู้หญิงที่ใช้ยาทำแท้งเอง มีอัตราการเสียชีวิต น้อยกว่า 1 ใน 100,000 คน ซึ่งทำให้การทำแท้งด้วยยา มีความปลอดภัยกว่า การคลอดบุตรและปลอดภัยเทียบเท่ากับการแท้งเองโดยธรรมชาตินั่นเอง
การตั้งครรภ์โดยที่ไม่พึงประสงค์ อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตอีกต่อไป เพราะเราต้องเชื่อว่า ทุกปัญหา สามารถหาทางออกได้จริง และคิดก่อนทำทุกครั้ง แล้วชีวิตจะง่ายขึ้น
ขอขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs
บทความเพิ่มเติม
– ไขข้อสงสัยเรื่อง ยาขับเลือด
– ยาขับเลือด เข้าใจผิดอาจนำไปสู่อันตราย
https://www.cytotank.org/blog/read/9